สามีผู้โง่เขลา หลังจากที่หญิงสาวกับชายหนุ่มตัดสิน ใจใช้ชีวิตคู่ มากินอยู่ร่วมกันทั้งสองอยู่กินกันมาหลายปีก็มีลูกด้วยกันสองคน
ซึ่งเป็นเด็กชายหน้าตาน่ารักมีผิวพรรณสะอาดสะอ้านเหมือนผู้เป็นแม่เธอดูแลสามีดีเช่นไรก็ดูแลลูกดีเช่นนั้นทั้งการดูแล
บ้านช่องทั้งเรื่องอาหารการกินก็ไม่เคยบกพร่องเลยแม้แต่นิดแม้จะมีลูกมาเป็นภาระเพิ่มกับเธอก็ตามล่วงเข้าสู่
ฤดูฝนน้ำในแม่น้ำก็เริ่มไหลหลากจนจวนเจียนจะล้นตลิ่งหญิงสาวรู้สึกกังวนใจเพราะเป็นห่วงหมู
และเป็ดไก่ที่เธอเลี้ยงเอาไว้ข้างบ้านเธอกลัวว่าน้ำท่วมแล้วจะอพยพไม่ทัน และเแล้ว
เรื่องที่เธอกลัวก็เป็นจริงวันนั้นมีฝนตกทั้งวันทั้งคืนจนน้ำเริ่มล้นตลิ่งชายหนุ่มจึงรีบออกไปดูที่นาส่วนหญิงสาวก็ใช้อิทธิฤทธิ์
ที่ตนเองมีย้ายสัตว์เลี้ยงขึ้นไปอยู่ที่หลังคาโรงเรือนเพราะกลัวว่าพวกมันจะโดนน้ำท่วมพัดพาไปจนตายเสียก่อนจากนั้นก็
ย้ายข้าวของที่ใต้ถุนเรือนขึ้นบนบ้านจนหมดโชคดีที่วันนั้นฝนหยุดตกหลังจากที่น้ำเริ่มท่วมเข้าหมู่บ้าน และสูง
เพียงแค่ตาตุ้มเท่านั้นเมื่อชายหนุ่มกับมาถึงบ้านแล้วก็เห็นว่าบันดาสัตว์เลี้ยงต่างขึ้นไปอยู่บนหลังคาโรงเลี้ยงสัตว์เขาก็นึก
โมโหภรรยาทันทีที่ตัดสินใจทำเช่นนั้นเพราะสัตว์จำนวนมากมายขนาดนั้นเขาคิดไม่ออกว่าจะเอาพวกมันลงมาได้ยังไง
ชายหนุ่มรีบเดินขึ้นไปบนเรือนร้องเรียกหาภรรยาแต่ก็ไม่พบ พบเพียงลูกชายสองคน
“แม่ของพวกเจ้าไปไหน” ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงแข็ง “แม่ออกไปธุระจ้ะพ่อ” “ธุระบ้าบออะไรของมัน ฝนก็ตกมาทิ้งลูกไปได้ยังไงนังบ้าคนนี้ แถมยังบ้านจี้กลัวจนเกินเหตุย้ายสัตว์เลี้ยงขึ้นไปบนหลังคาอย่างนั้น น้ำยังไม่ทันท่วมเสียหน่อย ทั้งบ้าทั้งโง่จริงๆ นางคนนี้” ชายหนุ่มก่นด่าภรรยาด้วยคำหยาบคายรุ่นแรงด้วยความโมโหฝ่ายหญิงสาวที่จำต้องย้ายสัตว์ขึ้นหลังคาก็เพราะนางเป็นนางนาคีมีกำหนดที่จะต้องไปคายพิษของตนเองนางกลัว
ว่าจะกลับมาไม่ทันจึงทำการย้ายสัตว์เลี้ยงขึ้นไปไว้บนหลังคาเสียก่อนทว่าด้วยญาณทิพย์ทำให้นางจะได้ยินถ้อยคำหยาบคายของสามีทั้งหมดน้ำตาของหญิงสาวหลั่งไหลทันทีเมื่อสามีไม่รักษาสัญญา และต่อว่านางด้วยถ้อยคำรุ่นแรงจากตอนแรกที่ตั้งใจว่าหลังจากคายพิษเสร็จนางจะรีบกลับบ้านแต่พอได้ยินอย่างนั้นนางเลยไม่ปรากฎตัวให้เขาเห็นฝ่ายชายหนุ่มก็เฝ้ารอภรรยาอยู่นานก็ไม่เห็นนางกลับมาบ้านแต่พอเวลากินอาหารเย็นก็มี
อาหารเตรียมพร้อมอยู่ในครัวเขาจึงเข้าใจว่าภรรยาของตนยังอยู่แถวนี้ไม่ได้หนีหายไปไหนแต่เพราะอารมณ์โกรธชายหนุ่มจึงไม่ยอมเอ่ยคำขอโทษออกมา คืนนั้นเองฝนก็ตกหนักทำให้น้ำท่วมท้นตลิ่ง และไหลบากเข้าท่วมหมู่บ้านอย่างรวดเร็วนาข้าวนอกหมู่บ้านจมน้ำจนสิ้นหมดสัตว์เลี้ยงของชาวบ้านที่อพยพโยกย้ายไม่ทันต่างถูกกระแสน้ำพัดไหลไปตามน้ำมีเพียงบ้านของชายหนุ่มเท่านั้นที่มีสัตว์เลี้ยงเหลือรอดชีวิตชายหนุ่มนั่งกอดลูกทั้ง
สองคนมองกระแสน้ำที่ไหลพัดผ่านไปโดยที่เขาและลูกปลอดภัยเพราะอยู้บนชั้นสองของบ้านซึ่งลงเสาเรือนเอาไว้อย่างแข็งแรงทำให้ไม่ถูกกระแสน้ำพัดพาจนพังทลายเหมือนบ้านอื่นๆในหมู่บ้านครั้นถึงเวลารุ่งเช้าฝนก็หยุดตกชายหนุ่มออกมาเยี่ยมหน้ามองไปนอกหน้าต่างก็เห็นว่าน้ำท่วมเต็มหมู่บ้านทั้งหมดแต่บ้านของเขาปลอดภัยดีข้าวสารที่ภรรยาตำเอาไว้เพื่อเตรียมรับน้ำท่วมก็มีอยู่เต็มกระสอบของแห้งต่างรวมถึงฝืนที่จะเอาไว้ใช้หุง
หาทำอาหารของเขาก็ได้เตรียมเอาไว้อย่างพร้อมทว่าเธอก็ยังไม่ยอมปรากฎตัวให้เห็นจนเขานึกโมโหขึ้นมาอีกครั้งที่เธอปล่อยให้เขากับลูกต้องอยู่ลำพังกันเพียงแค่ 3 คน “แม่ของลูกนี้ช่างใจดำนักนางทิ้งเราไป ไม่ยอมกลับมาช่วยกันดูแลบ้านเรือน” เขาบ่นออกมาซึ่งทำให้ภรรยาที่ยังอยู่แถวนั้นได้ฟังก็ยิ่งเสียใจ แทนที่เขาจะขอบคุณเธอที่เตรียมทุกอย่างไว้เป็นอย่างดีแต่เขากลับบ่นเธอไม่เลิกลานางจึงไม่ยอมปรากฎตัวให้เขาเห็นแต่ถึง
อย่างนั้นก็ยังแอบทำอาหารเอาไว้ให้ทุกมื้อเวลาผ่านไปแล้วน้ำก็ลดลงจนแห้งเหือดแล้วชายหนุ่มจะทำสะพานทอดให้สัตว์เลี้ยงลงมาจากหลังคาเพื่อกลับไปอยู่ในเล้าของพวกมันตามเดิมส่วนนาข้าวนั้นถูกน้ำท่วมจนเสียหายทั้งหมดเขาจึงจะเอาสัตว์เลี้ยงไปขายในตลาดเพื่อจะนำเอาเงินมาไว้ใช้จ่ายในบ้านเมื่อไปถึงตลาดเขาก็เอาเป็ดไก่ไปขายได้เงินมามากพอที่จะทำให้เขากับลูกไม่ต้องเดือดร้อนในระหว่างที่รอปลูกข้าวรอบใหม่มีคนบอก
ว่าเขาโชคดีที่มีสัตว์เลี้ยงเหลือรอดเอาไว้ขายเพราะชาวบ้านคนอื่นๆนั้นทั้งนาข้าวและสัตว์เลี้ยงต่างสูญหายหายไปกับน้ำท่วมทั้งหมดชายหนุ่มนึกขอบคุณภรรยาอยู่ในใจแต่ด้วยฐิถิที่เธอไม่ยอมปรากฎตัวให้เห็นก็ทำให้เขาไม่ยอมเอ่ยปากขอโทษออกไปเช้นกันเมื่อกลับมาถึงบ้านเขาก็พบว่าลูกๆของเขากำลังนั่งกินข้าวกันอยู่
“แม่ของพวกเจ้ากลับมาแล้ววรึ”
“ยังหรอกจ้ะพ่อ แม่บอกว่าถ้าพ่อยอมทำตามที่แม่บอกแม่ก็จะยกโทษให้”
“แล้วแม่ของเจ้าบอกให้พ่อทำอะไร”
“แม่บอกว่าถ้าพ่อให้อาหารสัตว์ที่อยู่ในครัว แม่จะยอมกลับมา”
“โถ่เอ่ย เรื่องง่ายๆ แค่นี้เอง”
ชายหนุ่มยิ้มร่าเริงด้วยความดีใจและคิดว่าช่างเป็นเงื่อนไขที่ง่ายดายนัก ทว่าเขาเขาไปในครัวกลับเจองูตัวหนึ่งนอนขดอยู่ด้วยความกลัวเขาจึงคว้าเอาท่อนฟืนนแถวนั้นมาฟาดใส่งูอย่างแรง
“ไปนะ ไอ้งูร้ายแกขึ้นมาอยู่บนเรือนฉันได้ยังไง ไป ไป ไม่งั้นจะตีให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ ไอ้สัตว์เดรัจฉาน สะเออะขึ้นมาบนเรือนคนอื่น”
ขณะที่เขาจะฟาดไม้ฟืนลงไปอีก จู่ๆก็เกิดแสงสว่างขึ้นรอบตัวงู แล้วงูตัวนั้นก็กลายเป็นภรรยาแสนสวยของเขานั้นเองใบหน้าของนางเศร้าหมองก่อนจะเอ่ยขึ้น
“เจ้าผิดคำพูดอีกแล้วที่เคยรับปากว่าจะไม่ด่าข้าแต่เจาก็ไม่ทำ นี้เจ้ารับปากเงื่อนไขที่ข้าสั่งลูกเอาไว้แต่เจ้าก็ไม่รักษาคำพูด”
“ฉันขฮโทษ ยกโทษให้ฉันเถอะนะ”
ชายหนุ่มพยายามอ้อนวอนภรรยาแต่นางกลับส่ายหน้าปฏิเสธในขณะที่น้ำตารินไหล
“ข้าอยู่กับเจ้าไม่ได้หรอกนะ หากเจ้ายังเป็นคนเยี่ยงนี้เจ้ารู้ไหมที่ข้าต้องย้ายสัตว์ขึ้นหลังคาเพราะถึงกำหนดที่ข้าจะต้องไปคายพิษออกจากร่าง ข้ากลัวจะกลับมาไม่ทันถึงได้รีบทำไปแบบนั้น แต่แทนที่เจ้าจะเข้าใจหรือเอ่ยขอบใจสักคำ เจ้ากลับด่าว่าข้าด้วยคำหยาบคายรุ่นแรง อย่างนั้นเราก็อย่าอยู่ด้วยกันเลยนะ ข้าอยู่กับคนรักษาคำพูดไม่ได้หรอก เพราะข้าไม่รู้ว่าวันข้างหน้าหากเจ้าโกรธข้าอีกเจ้าจะเอาความลับที่ข้าไม่ใช่มนุษย์มาเปล่าประกาศให้คนอื่นรู้หรือเปล่า”
“ไม่ๆ อย่าไปเบยฉันขอโทษ ” ฝ่ายสามีพยายามเอ่ยขอโทษเพื่อให้ภรรยาใจอ่อน แต่เธอยืนกรานปฏิเสธจากนั้นเธอก็เดินออกจากครัวไปจูงมือลูกน้อยทั้งสองคนบันดาลให้เกิดแสงสว่างสีขาวเมื่อแสงสว่างหายไปนางกับลูกก็หายไปแล้วชายหนุ่มทรุดตัวลงร้องไห้โฮ ร่ำร้องเอ่ยคำขอโทษภรรยาซ้ำแล้วซ้ำอีกแต่นางก็ไม่ยอมกลับมาเขานั้นรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากที่ตนเองทั้งโง่เขาและเจ้าฐิถิ ไม่ยอมรักษาคำพูดที่ให้ไว้กับภรรยา ทั้งยังมีฐิถิไม่เอ่ยขอโทษในตอนที่ทุกอย่างยังไม่สายเกิดไปนับจากวันนั้นเขาก็อยู่ลำพังเพียงคนเดียวและทุกเย็นเขาก็ยังไปนั่งรอภรรยากับลูกที่แม่น้ำใหญ่ทุกวันแต่นางและลูกก็ไม่เคยกลับมาหาเขาอีกเลย