
โบยบินสู่รังใหม่ ระวี ปฐพีกาล นั่งมองใบสมัครของผู้ที่เข้ามาสมัครเป็นทีมงานสื่อมวลชนทีมพิเศษที่จะไปร่วมฟื้นฟูบุกเบิก สถานีโทรทัศน์ ท้องถิ่นทางภาคใต้ แล้วก็ตัดสินใจคัดคนที่จะเรียกเข้ามาสัมภาษณ์กับตัวเธอเพียง 11 คน จาก 50 คน
โบยบินสู่รังใหม่ มันเป็นงานเร่งด่วน ที่เธอในฐานะหัวหน้าทีมต้องสรรหาทีมงานลงไปทำงานในครั้งนี้ เหลือเวลาอีกเพียง สองสัปดาห์ที่เธอและทีมงานต้องเดินทางไปประจำการและใช้ชีวิตอยู่ที่จังหวัดหนึ่งทางภาคใต้ มันเป็นเรื่องน่าท้าทายสำหรับผู้หญิงวัย 29 ปีอย่างเธอที่ต้องรับผิดชอบสูงในการบริหารทั้งทีมงานและสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่น อีกทั้งต้องแบกความคาดหวังความไว้วางใจจากเจ้าของสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นแห่งนั้นอีกด้วย
ระวี ไม่เคยกลัวงานหนัก แต่ก่อนจะรับปากทำงานนี้ สิ่งหนึ่งที่ระวีได้ขอกับเจ้าของสถานีที่เดินทางขึ้นมากรุงเทพเพื่อเจราจาขอให้เธอนำทีมลงไปทำงานอย่างตรงไปตรงมาคือ เธอและทีมงานจะทำงานด้านการผลิตรายการข่าวและรายการสร้างสรรค์ในฐานะสื่อมวลชน ให้เต็มที่และดีที่สุดเท่านั้น แต่จะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับการเมืองทั้งทางอ้อมและทางตรง
ไม่ว่าจะด้วยกรณีใดๆทั้งสิ้น ซึ่งเจ้าของสถานีผู้สวมหมวกนักการเมืองระดับประเทศ พร้อมๆกับหมวกนักธุรกิจขนาดใหญ่ของจังหวัดนั้น ก็รับปากและให้คำสัญญากับเธออย่างจริงจัง เธอจึงยอมรับที่จะหาทีมทำงานนี้
สัปดาห์ต่อมา ระวียุ่งอยู่กับการสัมภาษณ์ทีมงานที่จะคัดกรองเพื่อเดินทางไปทำงานทางภาคใต้ด้วยกัน ช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาและปีที่บรรดานกพิราบขาวถูกเททิ้งมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ จึงไม่ยากนักที่ระวีจะดึงสื่อมวลชนมาจากบรรดาสถานีโทรทัศน์เอกชน หนังสือพิมพ์ วิทยุ และนิตยสารเข้ามาเป็น candidate (ผู้สมัคร ) ซึ่งในที่สุดเธอก็ได้ทีมงานที่มาจาก สถานีโทรทัศน์เอกชน หนังสือพิมพ์ นิตยสาร วิทยุ ซึ่งครอบคลุมครบทุกส่วนของการทำงาน โดยระวีได้วางตำแหน่งหน้าที่แต่ละบุคคลไว้อย่างชัดเจน
หลังจากได้ทีมงานเรียบร้อยแล้ว ระวีได้กำหนดโครงสร้างเงินเดือนของทุกคนและส่งไปยังเจ้าของสถานีที่เดินทางกลับใต้แล้ว เพื่อขออนุมัติเป็นลายลักษณ์อักษรในเรื่องของเงินเดือน ซึ่งภายในไม่กี่ชม. ก็ได้รับการอนุมัติกลับตามที่เธอขอไป เธอจึงเรียกทีมงานทุกคนมาประชุมสรุป แจ้งข่าวค่าตอบแทน และกำหนดการเดินทาง
นับเป็นโชคดีอย่างมากของระวี ที่ทีมงานทั้งหมดที่เธอคัดเลือกเป็นผู้ที่มีภูมิลำเนาอยู่ทางภาคใต้ถึง 5 คนโดยไม่ได้ตั้งใจ คุณสมบัตินี้สร้างความอุ่นใจให้เธอไม่น้อย เพราะการเข้าไปทำงานกับคนพื้นที่โดยเฉพาะทางภาคใต้นั้น ต้องเข้าถึงประชาชน ชุมชน วิถีชีวิต และวัฒนธรรมประจำถิ่นจึงจะสามารถทำงานได้ราบรื่น หรือเกิดปัญหาน้อยที่สุด
เสียงประกาศของนายสถานีว่ารถไฟจะเข้าสู่สถานีประจำจังหวัด ทำให้รู้ว่าสถานีหน้าก็จะถึงจุดหมายปลายทางแล้ว ทีมงานทุกคนจึงรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เดินทางถึงสถานที่ทำงานใหม่ บรรยากาศใหม่ๆ และเงินเดือนใหม่ที่มากขึ้นกว่าเดิม ทุกคนตระเตรียมสัมภาระส่วนตัวของตนเองให้พร้อมที่จะถือลงเมื่อถึงจุดหมายปลายทาง
ทันที่ที่รถไฟจอดเทียบชานชลา เสียงโทรศัพท์มือถือของระวีก็ดังขึ้น
“สวัสดีครับคุณระวี ผมชื่อประเทืองครับ นายหัวสมชาย ให้ผมมารับคุณระวีและทีมงานครับ เดี้ยวผมเดินไปหานะครับ”
ไม่ถึงสองนาที ชายวัยกลางคน และชายหนุ่มอีกคนอายุน่าจะยังไม่ถึง 30 ก็เดินตรงเข้ามาที่กลุ่มของเธอ
“สวัสดีครับ ใช่คุณระวีและทีมงานไหมครับ ผมชื่อประเทืองเป็นคนขับรถของนายหัวสมชายครับ และนี้เจ้าทะนง คนขับรถตู้ของโรงแรมครับ
ลุงประเทืองเป็นชายวัยกลางคนร่างท้วมที่ค่อนไปทางสูงอายุ ส่วนทะนงนั้นน่าจะเป็นเด็กหนุ่มวัยทำงานที่เพิ่งมาเริ่มงานไม่นาน จึงไม่มีปากมีเสียงอะไรนอกจากรอยยิ้ม
ระวีและทีมงานกล่าวทักทายกันผู้มารับพอเป็นพิธี แล้วต่างก็แยกย้ายกันไปขึ้นรถที่นายหัวสมชายส่งมารับ
ลุงประเทืองขนกระเป๋าส่วนตัวของระวีไปขึ้นรถเบนซ์สีดำคันใหญ่หรูเธอจึงเรียก
ทีมงานอีก 3 คนมานั่งด้วยกันกับเธอ ส่วนทีมงานส่วนที่เหลือก็ขึ้นรถตู้ Volkswagen Caravelle สีดำ แล้วต่างมุ่งหน้าไปทางเดียวกันคือบ้านพักที่ทางนายหัวสมชายได้เตรียมไว้ให้ทีมงานถึง 2 หลัง
“คุณระวีทราบใช่ไหมครับ ว่านายหัวสมชาย ท่านเป็นนักธุรกิจใหญ่ในเมืองนี้ ท่านมีโรงแรมขนาดใหญ่ระดับ 4-5 ดาว ทำหมู่บ้านจัดสรรขายมาหลายโครงการ โรงแรมของท่าน จะถึงก่อนบ้านพักของคุณระวีกับทีมงานครับ สำหรับบ้านพักที่คุณจะไปอยู่กัน นายหัวเพิ่งสร้างเสร็จใหม่ไม่ถึง 3 เดือนครับ ท่านยกให้คุณระวีและทีมงานอยู่ทั้งสองหลังครับ
ท่านบอกกับพวกเราว่าทีมนี้เก่ง ต้องดูแลเขาเป็นอย่างดี ( เอาล่ะสิความคาดหวัง ระวีชักหนักใจขึ้นมานิดๆ) ถ้าถึงบ้านแล้วผมจะชี้แจงรายละเอียด เรื่องบ้านให้ทราบนะครับว่านายหัวสั่งการมาว่าอย่างไรบ้าง” แม้จะเป็นคนภาคใต้พื้นถิ่น แต่ลุงประเทืองก็พูดไทยได้ฉะฉาน มีหางเสียงแบบทองแดงค่อนข้างน้อย อาจเพราะต้องคอยรับแขกทางการเมืองของนายหัวสมชายที่เดินทางทาจากรุงเทพบ่อยๆ
อย่างที่ประเทืองว่า ก่อนทางเลี้ยวเข้าหมู่บ้าน โรงแรมขนาดใหญ่ รูปทรงสถาปัตยกรรมแปลกตา ดูเหมือนเรือลำใหญ่ ตั้งตระหง่านอยู่ริมถนน
พอเลี้ยวเข้าหมู่บ้านได้ไม่ถึงสองนาที ประเทีองและ ทะนงก็ต่างหยุดรถของตนเองจอดที่บ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ หลังหนึ่ง
“ถึงแล้วครับคุณระวี บ้านพักของคุณ เดี้ยวผมพาเข้าไปเดินดูสถานที่เลยนะครับ “ ประเทืองเดินนำหน้าเข้าไปเปิดประตูรั้ว และตรงเข้าไปไขกุญแจประตูบ้าน
นี่มันฝันไปหรือเปล่านี่? ระวีรู้สึกตื่นเต้น ทุกอย่างเกินความคาดหมายตั้งแต่รถที่ไปรับ จนถึงบ้านพักหลังใหญ่ วิวติดภูเขาล้อมรอบนี่ เธอร้องว้าวๆๆๆๆๆในใจอย่างดัง มันใหญ่โตสวยงาม แถมยังมีทิวทัศน์ภูเขาล้อมรอบอีก ระวีพยายามควบคุมความปิติที่มันถาโหมอยู่ในใจ แน่นอนเธอไม่ได้ปลื้มแค่ความหรูหรา
แต่ยังรู้สึกถึงการได้รับการให้เกียรติจากนายหัวสมชาย ที่อยู่ในฐานะเจ้านายของเธอและทีมงานโดยตรง หรือมันจะมีอะไรแอบแฝงหรือเปล่านะ? แล้วระวีก็ต้องหลุดจากภวังค์ เมื่อลุงประเทือง ได้พูดขึ้น
“บ้านหลังใหญ่นี้ นายหัวสั่งให้คุณระวีอยู่กับทีมงานคนสนิทบางส่วนสัก 3 คนนะครับ นะครับ ส่วนหลังที่เล็กรองลงไปให้ทีมงานที่เหลืออยู่ 7 คนครับ “ ประเทืองถ่ายทอดคำสั่งจากนายหัวสมชาย เสร็จแล้วก็ขอตัวลากลับ พร้อมกับทะนง โดยที่จะไม่ลืมแจ้งเพิ่มเติมว่า คุณๆพักผ่อน จัดข้าวของตามอัธยาศัยนะครับ แล้ว 6 โมงเย็น นายหัวเชิญจะเลี้ยงต้อนรับทีมงานที่ห้องอาหารญี่ปุ่นของโรงแรมนะครับ
ไม่ต้องเดินข้ามไปเองนะครับ เดี่ยวผมกับทะนงจะมารับก่อน 6 โมงสัก 15 นาที แล้วพบกันตอนเย็นนะครับ ยินดีต้อนรับคุณๆทุกท่าน สู่อาณาจักรของนายหัวสมชายครับ”
“อณาจักรนายหัวสมชาย ฟังดูก็เหมือนอลังการ แต่อีกใจหนึ่งก็รู้จึงหวาดหวั่นอย่างบอกไม่ถูก
ลุงประเทืองและทะนงกลับไปแล้ว ระวีและทีมงานจึงรวมตัวกันเพื่อแยกย้ายกันขนของเข้าบ้าน จัดห้องพักของตัวเอง การแบ่งบ้านแบ่งห้องพักทุกอย่างดูลงตัวอย่างสมบูรณ์แบบ ระวีเลือกหนูเท่ง ทีมงานชายร่างเล็กที่เป็นชายหนุ่มกระตุ้งกระติ้งเป็นเพื่อนร่วมห้องด้วย เพราะรู้สึกถูกชะตาในการพูดคุยตั้งแต่สัมภาษณ์ และบนรถไฟขณะเดินทางมาจากกรุงเทพ
ระวีไม่ค่อยชอบผู้หญิง เพราะเรื่องเยอะ และยังมีความชื่นชมเป็นพิเศษกับเพศที่3 เพราะอยู่ด้วยแล้วเฮฮาไม่เครียด และมีความจริงใจสูงกว่าเพศปกติ
17.30 น. ทุกคนก็อาบน้ำแต่งตัว และมามารวมตัวกันที่บ้านหลังใหญ่ของระวี สีหน้าทุกคนสดชื่นแจ่มใส ต่างพูดถึงความประทับใจที่ได้รับความดูแลเอาใจใส่ จากเจ้านายคนใหม่ ยังไม่มีทีมงานคนใดเคยพบหน้านายหัวสมชายนอกจากระวีคนเดียว ทุกคนจึงดูตื่นเต้นที่จะได้เข้าพบในอีกไม่กี่นาทีที่จะถึงนี้
17.45 น. ลุงประเทืองและทะนงก็มาถึงบ้านพักเพื่อรับเธอและทีมงานไปทานอาหารเย็นกับนายหัวสมชาย
ห้องอาหารญี่ปุ่นของโรงแรมถูกตกแต่งได้อย่างพิถีพิถันสวยงามไม่แพ้ห้องอาหารญี่ปุ่นราคาแพงในโรงแรมที่กรุงเทพฯ
แล้วทีมงานทุกคนก็ได้พบกับนายหัว ด้วยความที่เป็นสื่อมวลชนทั้งหมด ทุกคนจึงถึงกับร้องอ๋อ และยกมือไหว้นายหัวสมชายอย่างคุ้นเคย เพราะที่แท้นายหัวสมชาย เจ้านายคนใหม่ที่แสนใจดีก็ไม่ใช่ใครอื่น ท่านเป็น สส. พรรคน้ำหนึ่งใจเดียว ที่เคยคุ้นหน้าคุ้นตานั่นเอง
ติดตามอ่าน ตอนที่2 “ ใจฝ่อ”