คบคนพาล เคยได้ยินคำที่บอกว่า “คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล” กันมาบ้างแล้วใช่มั้ยคะ
เราเองคิดอยู่ตลอดว่าคำกล่าวนี้ไม่น่า เป็นความจริง คนจะดีจะเลวอยู่ที่ตัวคนคนนั้นไม่เกี่ยวกับคนอื่น ในส่วนนี้เราได้พิสูจน์กับตัวเราเองมาแล้วแต่อย่างว่าคนไม่ได้มีแบบเดียว
และคนเราก็มีความแตกต่างไม่เหมือนกัน เรามีเพื่อนที่ไม่เรียนหนังสือแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องไม่เรียนเหมือนกับเขา
เราเคยมีเพื่อนที่หลงทางผิดหันไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดแต่เราเองก็ไม่เคยไปยุ่งกับยาเสพติดเหล่านั้น ที่เอ่ยมาเราไม่ได้บอกว่าเราดีหรือเก่งอะไรนะคะ
เราแค่จะบอกว่าในความคิดของเรา เราคิดว่าจะดีจะเลวจะเลือกทางไหนอยู่ที่ตัวของคนนั้นไม่เกี่ยวกับเพื่อน ช่วงวัยรุ่นแม่เราเป็นห่วงเรามากพอแม่รู้ว่าเราคบกับคนที่ไม่เรียนหนังสือแม่กลัวว่าเราจะเกเรไม่รักเรียน
เราบอกกับแม่อยู่ตลอดว่าไม่ต้องห่วงเรื่องเรียนเราไม่มีทางทิ้งแน่นอนและนอกจากพูดกับแม่แล้ว เราก็สัญญากับตัวเองและบอกตัวเราเองอยู่เสมอว่ายังไงเราก็จะต้องเรียนให้จบ
เรารู้ลิมิตของตัวเอง ถามว่าเราเกเรมีโดดเรียนไม่เข้าเรียนบ้างหรือไม่ แน่นอนค่ะว่ามีแต่เราจะคอยบอกตัวเองเสมอว่าเราทำได้แค่ไหน
ไม่เข้าเรียนกี่ครั้งถึงจะโดนไม่มีสิทธิ์สอบ เรียกว่าเอาตัวรอดได้ถึงแม้เราไม่ใช่คนเรียนเก่งแต่เราก็ไม่เคยทิ้งการเรียน
ในทางกลับกันเรารู้จักเพื่อนอยู่คนหนึ่งเรียนจนจะจบปวช.ปีสุดท้ายแล้วเหลือแค่สอบอีกไม่กี่วิชา
แต่อาจจะเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเหมือนที่หลายคนชอบพูดกันอยู่ดีๆเพื่อนเราคนนี้ก็ไม่เข้าสอบและหนีไปเที่ยวกับแฟน
เราไม่ได้โทษแฟนเพื่อนที่ชวนให้เพื่อนเราไปด้สนในวันนั้นแต่เรากับถามเพื่อนว่ามีเหตุผลอะไรหรือเพราะถึงเลือกไปเที่ยวกับแฟนในวันนั้น
คำตอบที่ได้คือ ไม่ได้อ่านหนังสือและคิดว่าถ้าไปเข้าสอบก็ไม่มีทางที่จะสอบผ่านอย่างแน่นอนเลยหนีการสอบไปเที่ยว
เราว่าช่วงวัยขนาดนี้อาจจะมีความคิดที่ยังไม่มากและประสบการณ์น้อยเกินไปทำให้ไม่ได้มีการประเมินถึงผลต่างต่างที่จะตามมา
แต่เราก็ได้ข้อคิดว่าการตัดสินใจทุกอย่างไม่ได้อยู่ที่แฟนเพื่อนเรา ทุกอย่างในวันนั้นคือเพื่อนเราเลือกเอง
เลือกที่จะไม่เข้าสอบ เลือกที่จะหนีการสอบแล้วไปเที่ยวกับแฟน โดยที่ลืมฉุกคิดไปว่าผลคืออะไร
หนีสอบในวันนั้นถึงสามวิชาทำให้ไม่มีคะแนนและไม่สามารถจบการศึกษาได้ตามขั้นตอน หลังจากนั้นต้องมาลงทะเบียนในการสอบซ่อมซึ่งพอจิตใจเตลิดไป
แล้วก็ไม่มีกระจิตกระใจจะไปสอบซ่อมอีกและกลัวว่าถ้าขอเงินจากทางบ้านแล้วพ่อและแม่จะสงสัยอีกเลยเลือกที่จะไม่ไปสอบซ่อมทำให้สถานการณ์ต่างต่างยิ่งแย่ไปอีก นั่นคือการเรียนไม่จบ
สิ่งที่ได้มาจากการหนีสอบในวันนั้นแลกกับการได้ไปเที่ยวมีความสุขและสนุกวันเดียว
แต่ลืมคิดไปว่าพ่อแม่ต้องรู้สึกอย่างไรที่รู้ว่าลูกเรียนไม่จบทั้งที่หาเงินส่งแทบแย่
รวมถึงต้องแลกมากับอนาคตทางการศึกษาของตัวเองที่เรียกว่าพลิกผันแบบที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น เราได้พูดคุยกับเพื่อนคนนี้ว่าทำไมเลือกทำแบบนั้นหลังจากเวลาผ่านมาหลายปี
เพื่อนเราตอบได้แค่ว่าไม่ทันได้คิด ซึ่งเราเข้าใจในคำตอบนั้นเพราะถ้าเขาคิดถึงสิ่งต่างต่างที่จะตามมาก็คงทำอะไรในวันนั้นได้ดีกว่าการหนีสอบ
และจากประสบการณ์ที่ต้องลำบากลำบนใช้แรงงานแลกเงินทำให้เพื่อนเราคิดได้ว่าวันนั้นไม่น่าหนีการสอบเลยในเมื่อสอบอีกแค่ไม่กี่วิชาก็จะเรียนจบแล้ว
เพื่อนเราบอกเราว่าสุดท้ายแล้วพอโตขึ้นก็คิดได้และไม่โทษใครการที่ทำแบบนั้นเพราะการตัดสินใจของตัวเองล้วนล้วน
ใช่ค่ะ คำตอบนี้คือสิ่งที่เราต้องการจะสื่อ
ความคิดที่ว่าคบคนพาล พาลพาไปหาผิด อาจใช้ไม่ได้กับทุกกรณีที่เกิดขึ้นเราไม่ได้บอกว่าคำกล่าวเหล่านี้ผิดนะคะ
เพียงแค่ไม่ได้พิสูจน์ข้อเท็จจริงได้เสมอไปเพราะบางครั้งคบคนพาลแต่ไม่ได้เลือกทำตัวพาลตามเพื่อนคนนั้นก็ทำให้เราสามารถก้าวไปสู่ความสำเร็จได้
สิ่งเหล่านี้เป็นคำสอนที่ช่วยเตือนใจคนเราให้ไม่เลือกเส้นทางที่ผิดแก่ชีวิตเพื่อที่จะได้ประสบผลสำเร็จ
แต่สำหรับเรายังเชื่อว่าจะมีจะเลว จะเลือกทำอะไรเลือกทางเดินแบบไหนให้ชีวิตไม่เกี่ยวกับคนพาลแต่ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่การเลือกและตัดสินใจด้วยตัวของเราเอง
อยากฝากให้ทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ว่า ทำอะไรก็แล้วแต่ถ้าตอนนั้นทำแล้วมีความสุขไม่ว่าจะผิดหรือถูกแต่ให้คิดถึงผลที่ตามมาให้มากมากค่ะ
สิ่งไหนที่ถูกและไม่มีผลกระทบต่อใครทำไปเถอะค่ะ แต่สิ่งไหนผิดขึ้นชื่อว่าผิดจริงจริงแล้วก็ไม่ควรทำแต่ก็อีกค่ะบางสิ่งบางอย่างไม่สามารถมาตัดสินได้ชัดเจนว่า
ถูกหรือผิดดังนั้นถ้าเราลองคิดถึงผลกระทบหรือสิ่งต่างต่างที่จะตามมาแล้วนั้นถ้าไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนรวมถึงตัวเราเองแล้วทำได้ค่ะ
เราไม่ได้ส่งเสริมให้เลือกทางผิดนะคะอย่าเพิ่งเข้าใจผิด ความหมายของเราคือก่อนจะทำอะไรก็แล้วแต่ควรที่จะคิดก่อนทำเพื่อที่จะได้ไม่กลับมาเสียใจภายหลังในทุกทุกการกระทำของเราเอง
ตัวเราเคยคิดที่จะดรอปเรียนช่วงที่ไปเจอวิชาที่ไม่ถนัดและค่อนข้างยากทำให้ไม่อยากไปเรียน
แต่สุดท้ายพอนึกถึงอนาคตและเงินทองที่ทางบ้านเสียไปให้กับค่าเทอมก็กัดฟันและหาทางไปติวหนังสือกับเพื่อนๆเพื่อให้สามารถผ่านพ้นวิชานั้นไป
ทุกวันนี้เรายังคิดเลยค่ะว่าถ้าในช่วงเวลานั้นเราดรอปเรียนไป เราน่าจะไม่กลับมาเรียนอีก ยังโชคดีที่กัดฟันสู้และผ่านพ้นมาได้
อย่างไรก็ตามเราก็ฝากกำลังใจถึงใครที่กำลังต้องศึกษาเล่าเรียนในช่วงวัยนี้ จะมีสิ่งเร้าต่างต่างเกิดขึ้นค่อนข้างเยอะ ไม่ต้องเรียนให้เก่งเพื่อกดดันตัวเองค่ะ
แต่แค่รักเรียนและเอาตัวรอดให้ได้กับทุกสถานการณ์ก็พอเพื่อที่คุณจะได้ดำเนินชีวิตไปแบบไม่ต้องคอยมานั่งแก้ปัญหาอยู่ตลอดเวลา
ดังนั้นสำหรับเรายังคงยืนยันว่า “คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล” ไม่ได้ใช้ได้กับทุกกรณี
อยากขอให้ทุกคนรักตัวเองให้เป็นและประสบความสำเร็จกับสิ่งที่มุ่งหวังไว้นะคะ
เขียนโดย ณิชชกา